ในช่วงนี้กระแสบริหารเงินด้วยเงินกำลังมาแรง เนื่องจากการออมแบบปกติดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนที่เชื่องช้า และหวังผลกำไรได้ช้ากว่าการที่จะรอ ดอกเบี้ย ขึ้นแต่ละรายปี การออมแบบฝากประจำรายปี รายเดือน ก็ดูจะเป็นผลช้ากว่าที่จะรอ นักออมในสมัยใหม่จึงนิยมมองหาการลงทุนต่างๆ ที่จะสร้างผลกำไรได้ไวมากขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของ กองทุน และ หุ้น ก็เป็นการลงทุนที่ทำได้ในลักษณะของการออม และการใช้เงินบริหารเงินนั้น กองทุน กับ หุ้นก็สามารถทำได้ในลักษณะที่ทั้งคล้าย และ แตกต่างกัน
หุ้น คือการลงทุนที่เราสามารถร่วมเป็นเจ้าของกิจการไปด้วย ถ้าหากกิจการได้กำไรเราก็ได้รับผลกำไรตาม ถ้าหากขาดทุนก็ขาดทุนตามกิจการ กำไรได้มาจากเงินปันผล หรือส่วนต่างของราคาหุ้น
โดยที่เราจะสามารถตัดสินใจเลือกลงทุนได้ด้วยตัวเอง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง และ ก็ขาดทุนสูงเช่นกัน ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนว่าจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้แค่ไหน และผู้ถือหุ้นก็ไม่สามารถนำหุ้นไปกระจายลงทุนในรูปแบบอื่นได้ และมีกระดานขั้นต่ำของการซื้อขายหุ้นอยู่ที่หลักร้อยหุ้น ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับบอร์ด Broker นั้นๆ (ฺBrokerage Fee) และยังต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) ส่วนสิทธิ์ประโยชน์ททางด้านการลดหย่อนภาษีหุ้นไม่สามารถนำไปใช้สำหรับการลดหย่อนได้แบบกองทุนจำพวก LTF RMF ได้
กองทุน คือการที่กิจการหรือบริษัตัดการกองทุนที่มีผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนคอยรวบรวมเงิน จากเหล่าผู้ซื้อกองทุน ผู้ลงทุน และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ตามนโยบายและข้อกำหนดที่แจ้งไว้ของแต่ละกองทุน ผลตอบแทนเป็นรูปของเงินปันผล หรือราคาส่วนต่างของกองทุนที่ขายไป ซึ่งกองทุนจะมีผู้จัดการกองทุนคอยช่วยบริหารกองทุนที่เราลงทุนไป ผลตอบแทนก็มีโอกาสได้ตั้งแต่ สูง กลาง และต่ำ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและนโยบายของกองทุนที่เลือกลงทุน เช่นเดียวกับควาเสี่ยง ที่มีตั้งแต่ สูง กลาง ต่ำเหมือนกัน ผู้บริหารกองทุนนั้นๆจะมีสิทธิ์ในการกระจายการลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆตามแต่ที่ ข้อกำหนดของกองทุนได้กำหนดไว้ และขั้นต่ำของการลงทุน มีเงินน้อยก็สามารถลงทุนได้เพราะขั้นต่ำของแต่ละกองทุนไม่เหมือนกัน และเราไม่จำเป็นต้องซื้อกองทุนให้ครบ 1 Unit ก็ได้แล้วแต่ข้อกำหนด ในเรื่องของค่าธรรมเนียม จะมีการเรียกเก็บในการซื้อขายแล้วแต่กองทุนไป ที่สำคัญสามารถเปิดบัญชีกองทุนได้ ตามบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) หรือธนาคารที่เป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุน
โดยเป็นที่สรุปว่า การที่จะเลือกว่ากองทุน หรือ หุ้น ดีนั้นอาจจะต้องมองจากจำนนวนเงินการลงทุนเป็นหลัก หากผู้ลงทุนมีเงินทุนในจำนวนมาก และสามารถแแบกรับความเสี่ยงของการลงทุน ที่อาจจะมีกำไรหรือขาดทุนอยู่บ้าง การเลือกหุ้นก็เป็นผลดีกว่า แต่ถ้าหากมีทุนน้อย และอาจจะไม่มีเวลาคอยมานั่งมองจังหวะขึ้นลงของราคา ก็ควรจะเลือกกองทุนที่เหมาะกับตน ตามระดับความเสี่ยงที่รับไหว หรือจะเลือกลงกองทุนแบบ LFT หรือ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน