วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ เปิดเผยถึงยารักษาโควิด 2 ชนิด ได้แก่ โมลนูพิราเวียร์ ของเมอร์ค และแพกซ์โลวิด ของไฟเซอร์ สำหรับยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดเป็นยาชนิดรับประทาน แต่มีกลไกการทำงานต่างกันโดยยาโมลนูพิราเวียร์จะยับยั้งการถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะยับยั้งเอนไซม์การสร้างโปรตีนที่ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในด้านประสิทธิผล
หากจำแนกลงลึกพบว่า จากการให้ยาโมลนูพิราเวียร์ เบื้องต้นในกลุ่มที่ได้รับยาจริงช่วยลดอาการรุนแรงที่จะต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 50%และไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่กลุ่มยาหลอกมีเสียชีวิต 8 ราย
ส่วนการให้ยาแพกซ์โลวิดพบว่า หากได้รับยาภายใน 3 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 89% หากรับยาภายใน 5 วันตั้งแต่เริ่มมีอาการประสิทธิผลจะอยู่ที่ 85% จึงกล่าวได้ว่า ยาทั้ง 2 ชนิด มีประสิทธิผลช่วยไม่ให้อาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหน และยังไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง
สำหรับความคืบหน้าการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ จะมีการเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติงบการจัดซื้อสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จนนำมาใช้ได้ในช่วงธันวาคม 2564 หรือมกราคม 2565
ส่วนยาแพกซ์โลวิดจะมีการหารือร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 พ.ย. นี้
สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นการเข้มงวดมาตรการป้องกันโรคสูงสุดตลอดเวลา ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง จะช่วยลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยามาใช้รักษา นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติกล่าว