ถือเป็นทีมหนึ่งที่ออกสตาร์ทศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษซีซั่นใหม่ได้อย่างไฉไลดูดีมีชาติตระกูลทีเดียว สำหรับทีมยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่แข่งไปแล้ว 2 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 ซึ่งแม้นัดแรกพวกเขาจะแพ้ให้กับหงส์แดง ลิเวอร์พูล ไป 4-3 แต่เกมในสนามก็เป็นไปอย่างสุดมันส์ชนิดที่ลีดส์สามารถต่อกรกับทีมแชมป์เก่าได้อย่างมีเชิงและมีกึ๋น จนกระทั่งพลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของเกม ที่พลาดท่าเสียจุดโทษจนทีมแพ้ไปอย่างน่าเจ็บใจ
ทว่าในนัดที่ 2 พวกเขาก็จัดการคว้าชัยชนะนัดแรกในศึกพรีเมียร์ลีกมาจนได้ เมื่อเบียดเอาชนะอดีตเพื่อนร่วมลีกแชมเปี้ยนส์ชิพอย่างฟูแล่มไปด้วยสกอร์เดียวกับที่แพ้ลิเวอร์พูล ต่างแต่คราวนี้พวกเขาเป็นฝ่ายชนะฟูแล่มไป 4-3 ซึ่งผลจากการชนะและเสมอไปอย่างละ 1 นัด ก็ทำให้พวกเขาอยู่ที่อันดับ 10 บนตารางคะแนน ณ เวลานี้ ซึ่งถือว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับทีมน้องใหม่ (แต่หน้าเก่า) อย่างพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งของทีมยูงทองในเวลานี้ก็คือ ศักยภาพของกองหลัง ที่แม้กองหน้าจะช่วยกันยิงได้ถึง 7 ลูกใน 2 นัด ทว่ากองหลังก็รั่วชนิดที่ว่าเสียไป 7 ลูกใน 2 นัดเช่นเดียวกัน ซึ่งสำหรับทีมที่ต้องการยืนระยะรักษาคะแนนไม่ให้ร่วงตกชั้น สถานการณ์หลังรั่วเช่นนี้ถือว่าเป็นจุดที่อันตรายอย่างยิ่ง
กระนั้น ลีดส์ไม่ใช่แมนฯ ยูฯ ที่คิดช้าทำช้า มัวแต่ขี้เหนียวไม่ยอมทุ่ม เมื่อมองเห็นว่าจุดอ่อนของตนเองคือกองหลัง บอร์ดบริหารและมาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือจอมเก๋าก็ไม่ยอมรอช้า จัดการคว้ากองหลังใหม่เข้าสู่ทีมทันทีทันควัน โดยนักเตะที่จะเข้ามาช่วยขันเกมรับให้ทีมยูงทองก็คือ ดีเอโก้ ยอเรนเต้ ปราการหลังทีมชาติสเปนวัย 27 ปีของเรอัล โซเซียดาด ซึ่งมีค่าตัวอยู่ที่ 22 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 880 ล้านบาทไทย) โดยถึงวันนี้ ยอเรนเต้เซ็นสัญญายาวกับลีดส์ ยูไนเต็ด 4 ปีเป็นที่เรียบร้อย และจะสวมเสื้อเบอร์ 14 สู้ศึกให้ลีดส์ในซีซั่นนี้
อนึ่งนั้น ยอเรนเต้เคยเป็นผู้เล่นชุดเยาวชนที่เติบโตมาจากอะคาเดมี่ของราชันชุดขาว เรอัล มาดริด และสามารถขึ้นชั้นสู่ทีมชุดใหญ่ของมาดริดได้ตั้งแต่ช่วงปี 2013-2017 ทว่าไม่สามารถเบียดแทรกตัวจริงได้ จึงต้องจำใจย้ายไปสู่ทีมอื่นในรูปแบบของการยืมตัว จนกระทั่งย้ายถาวรไปอยู่กับเรอัล โซเซียดาดตั้งแต่ปี 2017-2020 ซึ่งเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนติดทีมชาติสเปน และถูกซื้อตัวมาอยู่กับลีดส์ในที่สุด