สำหรับเบียร์เครื่องดื่มยอดนิยมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทยอยประกาศปรับราคาขึ้นไปกันไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และวันนี้ประกาศราคาใหม่กันครบทุกค่ายแล้ว หลังจากที่ผ่านมาปัญหาต้นทุนต่าง ๆ ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน รวมถึงวัตถุดิบที่มีปัญหาซัพพลายเชนและการขนส่งจากต่างประเทศจากผลกระทบของโควิด-19
เริ่มจากค่ายช้าง (ไทยเบฟฯ) ที่ชิงเปิดเกมก่อนใครด้วยการประกาศขึ้นราคา ช้างคลาสสิค 12 บาท/ลัง (12 ขวด) จาก 589 บาท เป็น 601 บาท มีผลปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ตามด้วย ไฮเนเก้น (ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่) ขวดใหญ่ ปรับขึ้นประมาณ 50 บาท/ลัง (12 ขวด) จาก 800 บาท เป็น 850 บาท ส่วนขวดเล็ก ปรับขึ้น 90 บาท/ลัง (24 ขวด) เดิม 940 บาท เป็น 1,030 บาท กระป๋องเล็ก (แคนสลิม) ปรับขึ้น 90 บาท/ถาด (24 กระป๋อง) จาก 940 บาท เป็น 1,030 บาท เป็นต้น
ท้ายสุดถึงคิวของเบอร์หนึ่งตลาดเบียร์ ค่ายสิงห์ โดย บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ได้ประกาศปรับขึ้นราคาทุกขนาด เช่น ขวดใหญ่ ปรับขึ้น 12 บาทต่อลัง (12 ขวด) จาก 676 บาท เป็น 688 บาท ขวดเล็ก ปรับขึ้น 24 บาทต่อลัง (24 ขวด) จาก 809 บาท เป็น 833 บาทส่วน กระป๋องเล็ก ปรับขึ้น 24 บาทต่อถาด (24 กระป๋อง) จาก 809 บาท เป็น 833 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไปแต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ค่ายสิงห์ยังไม่ประกาศปรับขึ้นราคา ลีโอ (ณ วันที่ 11 เม.ย. 2565) ที่เป็นรายได้พอร์ตใหญ่
ในช่วงสงกรานต์ภาพรวมตลาดเบียร์น่าจะมีความคึกคักขึ้นและคาดว่าช่วงหน้าขายสำคัญนี้ ตลาดเบียร์จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงปกติโดยส่วนตัวมองว่าปัญหากำลังซื้อที่ชะลอตัวและการปรับขึ้นราคาของทุกค่ายจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจจะกระทบบ้างน่าจะเป็นคำสั่งหรือมาตรการการควบคุมของภาครัฐที่อาจจะมีการประกาศห้ามฉลอง หรือห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงสงกรานต์นี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมาเพราะประชาชนเดินทางท่องเที่ยวได้ หรือการดื่มกินที่บ้านก็จะยังมีอยู่ทำให้ตลาดเบียร์ยังเติบโตได้
แต่เชื่อว่าผู้บริโภคจะยังใช้โอกาสช่วงสงกรานต์ในการเฉลิมฉลองอยู่ แต่จะประหยัดมากขึ้น ด้วยการหันมาซื้อเพื่อดื่มหรือสังสรรค์ในบ้าน แทนการดื่มกินตามร้านอาหาร ดังนั้นช่องทางที่เป็นร้านค้าโมเดิร์นเทรดและเทรดิชั่นนอลเทรดต่าง ๆ จะมียอดขายที่ดีขึ้น