การจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่าย กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งใหม่ในช่วงที่สภาพเงินเฟ้อทำให้ของกิน-ของใช้ต่าง ๆ แพงขึ้นอย่างรวดเร็ว บีบให้ผู้บริโภคต้องตัดสินใจเลือกใช้จ่ายเฉพาะกับสินค้า-บริการที่แต่ละคนคิดว่าจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
เห็นได้จากผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกของหลายบริษัทที่บางรายออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์อีคอมเมิร์ซ อเมซอน ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเวิร์ลพูล ไปจนถึงธุรกิจที่เคยเฟื่องฟูในช่วงที่โควิดระบาดอย่างเกมคอมพิวเตอร์หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เน็ตฟลิกซ์ที่ยอดสมาชิกลดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
ขณะที่ธุรกิจอาหารอย่าง แมคโดนัลด์และ คราฟต์ไฮนซ์ ผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ด และสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ รวมไปถึงลีวายส์ กลับมีผลประกอบการเติบโตหลังผู้บริโภคยังคงซื้อสินค้า แม้จะปรับราคาขึ้นไปแล้วก็ตาม
ปรากฏการณ์นี้แสดงถึงพฤติกรรมการจัดลำดับความสำคัญของผู้บริโภค และทำให้เกิดคำถามสำคัญในวงการธุรกิจว่า สินค้าหรือบริการใดจะถูกชาวอเมริกันจัดออกจากบัญชีช็อปปิ้งครั้งต่อไป
นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2566 ที่กำลังจะมาถึงยังไม่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นทิศทางค่าเช่าอสังหาฯ หรือภาษีที่อยู่อาศัย ซึ่งต่างมีท่าทีว่าจะขยับขึ้น เช่นเดียวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรับมือเงินเฟ้อ
และทำให้ผู้ที่กู้ซื้อบ้านและผู้ใช้บัตรเครดิตได้รับผลกระทบหลังจากก่อนหน้านี้อัตราผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจาก 1.48% เป็น 1.62% แล้ว แม้จะยังห่างจากสถิติสูงสุดที่ 6.6% เมื่อยุคเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เมื่อปี 2551 ก็ไม่อาจวางใจได้
ปีนี้มั่นใจว่าการจับจ่ายของผู้บริโภคน่าจะยังทรงตัวอยู่ แต่ปีหน้าจะเป็นปีที่ผลกระทบจะเริ่มแสดงออกมา โดยเฉพาะครึ่งหลังของปี 2566 ที่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นผู้บริโภคจะเริ่มลดการจับจ่ายลงแน่นอนช่วงปีที่สองของภาวะเงินเฟ้อเป็นช่วงสำคัญเพราะจะเป็นจังหวะที่ผู้บริโภคได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ และเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายปรากฏการณ์นี้แสดงถึงความท้าทายของแบรนด์สินค้า-บริการที่จะต้องทำให้ตนเองขยับขึ้นไปเป็นของจำเป็นสำหรับผู้บริโภค ที่จะไม่ถูกตัดออกจากรายการใช้จ่ายในปีนี้และปี 2566 ที่กำลังจะมาถึง