ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ของศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ขณะที่ท็อปซิกส์ทีมอื่นๆ พร้อมใจกันสะดุดยับเยิน (บางทีมก็เพิ่งมาสะดุดนัดนี้ แต่บางทีมก็สะดุดมาตั้งแต่นัดแรก) ไม่ว่าจะเป็นเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่นัดล่าสุดพลาดท่าโดนทีมจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ถลุงไป 5-2 ทำให้แข่ง 2 นัด ชนะไป 1 และแพ้ไป 1 ขณะที่ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ฟอร์มก็กระท่อนกระแท่น แข่ง 3 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1
ไม่ต่างอะไรกับปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แพ้เปิดหัวซีซั่นให้คริสตัล พาเลซ 1-3 ก่อนพลิกกลับมาชนะไบรท์ตันในนัดที่ 2 ทำให้มีสถิติชนะ 1 แพ้ 1 และสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ก็เช่นกัน โดยพลพรรคสิงห์บลูนั้นแข่ง 3 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1
เรียกได้ว่าทีมหัวแถวของพรีเมียร์ลีกต่างมีอันสะดุดกันอย่างพร้อมเพรียง แต่ทว่าสำหรับแชมป์เก่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาความสม่ำเสมอได้อย่างยอดเยี่ยม โดยล่าสุดจากการแข่งขันเมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย. 63 ก็เป็นพลพรรคเดอะค็อปที่จัดการกำราบซ่าไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล
อีกทีมในท็อปซิกส์ ไปได้อย่างราบคาบ 3-1 แม้ไอ้ปืนใหญ่จะออกนำไปก่อน 1-0 จากกองหนย้าเฟรนซ์แมนอย่างอเล็กซองด์ ลากาแซตต์ แต่ทว่าหงส์แดงก็มารัวกระสุนแซงจนชนะไปได้อย่างขาดลอย 3-1 จากฝีเท้าของซาดิโอ มาเน่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และนักเตะน้องใหม่ประจำทีมอย่างดิโอโก้ โชต้า ที่เพิ่งย้ายมาจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส และสามารถซัดเปิดซิงในการลงสนามนัดแรกให้ทัพหงส์แดงได้อย่างสวยงาม
ต่อชัยชนะนัดนี้นั้น อีกคนที่ควรค่าแก่การพูดถึงอย่างยิ่งก็คือนายด่านอย่างอลีสซง เบ็คเกอร์ ที่เป็นดั่งหัวใจในแนวรับของหงส์แดง โดยในเกมนี้นายทวารทีมชาติบราซิลต้องเผชิญกับภาวะการถูกล่อเป้าจากการหลุดเดี่ยวเข้ามาดวลตัวต่อตัวของอเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
แต่ทว่าใน 2 จังหวะนั้นอลีสซงก็สามารถจัดการหยุดลากาแซตต์ไว้ได้ทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งช่วงจังหวะดังกล่าวนั้นเป็นตอนที่หงส์แดง ลิเวอร์พูล ขึ้นนำอยู่ 2-1 ถ้าหากโดน 2 ลูกนั้นไปแน่นอนว่าสถานการณ์ย่อมต้องพลิกผัน และหงส์แดงอาจจะต้องพุ่งชนกับความพ่ายแพ้แรกในซีซั่นนี้ก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่าแม้ในเกมที่แลดูยาก ทว่าหงส์แดงก็ยังรักษาความนิ่งในการบดเอาชนะคู่แข่งไปได้ เช่นนี้แล้วดูท่าพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้จะจบเร็วเหมือนซีซั่นก่อนหรือเปล่า อันนี้ก็มีแวว