นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ลักษณะอาการของโรคได้มีการเปลี่ยนแปลงไป
1.ระยะฟักตัวของโรคสั้นลง จากการศึกษาในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้ากับสายพันธุ์โอมิครอน ระยะฟักตัวของโรคสั้นลงมาอยู่ที่ประมาณ 3 วันในระยะหลังนี้
2.ความรุนแรงลงปอดทำให้เกิดปอดบวม จะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยยุคแรกสายพันธุ์อู่ฮั่น มีอัตราการลงปอด ฉายภาพรังสีปอดจะมีฝ้าพบได้บ่อย แต่ในปัจจุบันการลงปอดลดน้อยลง หรือความรุนแรงลดน้อยลง
3.แต่เดิมอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รส พบได้บ่อยมาก แต่ปัจจุบันนี้อาการดังกล่าวพบน้อยมาก
4.อาการไข้ แต่เดิมเราพบได้บ่อย ปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้ เพราะในปัจจุบันนี้อาการไข้จะเป็นอยู่ 1-2 วัน และมีจำนวนมาก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไม่มีไข้
5.อาการสำคัญขณะนี้คือเจ็บคอมาก เหมือนมีอะไรบาด และมีอาการไอ เป็นอาการสำคัญของการอักเสบในลำคอ
6.การติดต่อหรือแพร่กระจาย เกิดขึ้นได้ง่าย จะเห็นว่าเมื่อมีผู้ป่วยจะเป็นการติดทั้งครอบครัว เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม
7.การระบาดของโรคมีแนวโน้มไปตามฤดูกาลแบบไข้หวัดใหญ่ สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อน ไม่มีฤดูหนาวที่แน่ชัด การระบาดพบได้ตลอดทั้งปี แต่การระบาดมากจะเกิดในหน้าฝน ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
8.ไวรัสโควิค-19 มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ แนวโน้มในอนาคตจึงทำให้เมื่อติดเชื้อและสามารถติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่อาการของโรคมีแนวโน้มลดลง ความสำคัญจึงอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น 608วัคซีนที่ใช้จะต้องใช้ให้ตรงสายพันธุ์ที่คาดว่าจะเกิดมีการระบาด เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ และจะต้องให้ก่อนที่จะมีการระบาด เช่นในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม และกลุ่มที่ควรรับวัคซีนอย่างยิ่งคือกลุ่ม 608 รวมทั้งเด็กเล็ก