วันที่ 8 เมษายน 2565 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรมอนามัยได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายหวานน้อยสั่งได้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาครัฐ และองค์กรด้านสุขภาพ ได้แก่ องค์การอนามัยโลก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายคนไทยไร้พุง เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน รวมทั้งภาคเอกชน ซึ่งเป็นธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร และเครื่องดื่ม และห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาทั่วประเทศร่วมเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงาน
ได้แก่ คาเฟ่อเมซอน อินทนิล ออลล์คาเฟ่ คัดสรร เบลลินี่ กาแฟมวลชน จังเกิล อราบิเทีย ทรูคอฟฟี่ ดอยช้างคอฟฟี่ แบล็กแคนยอน ชาตรามือ ชาพะยอม เซ็นทรัลฟู้ด เดอะมอลล์กรุ๊ป บิ๊กซี และโลตัส โดยผลการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวในปี 2564 พบว่า คนไทยสั่งเครื่องดื่มหวานน้อยเพิ่มขึ้น จากปี 2563 ถึงร้อยละ 51.7
โดยร้านค้าที่มีสูตรเครื่องดื่มหวานน้อย สามารถบันทึกที่ตั้งของร้านในแพลตฟอร์ม และปักหมุดพิกัดแนะนำเส้นทางบนแผนที่ออนไลน์ ทำให้ประชาชนมีช่องทางในการเข้าถึงร้านหวานน้อยสั่งได้ใกล้ตัว สามารถเข้าถึงเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ และเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน
โดยตั้งเป้าหมาย ให้มีร้านหวานน้อยสั่งได้ในแพลตฟอร์ม จำนวน 2,400 ร้าน ครอบคลุมทุกจังหวัด ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์ม ประชาชนจะมีการสั่งเครื่องดื่มหวานน้อยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัด หากต้องการซื้อเครื่องดื่มเพื่อบรรเทาอาการง่วงระหว่างการเดินทาง หรือสร้างความสดชื่นการดื่มเครื่องดื่มหวานน้อยถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อสุขภาพที่ดีและส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยสามารถเข้าถึงอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพได้ จะช่วยลดการเกิดโรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ได้อีกทางหนึ่ง และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้อย่างยั่งยืน