บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอาหารแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนี, ซิซซ์เล่อร์, แดรี่ควีน, เบอร์เกอร์คิง, สเวนเซ่นส์ ฯลฯ เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้ผู้บริโภคกลับมานั่งทานอาหารที่ร้านมากขึ้น แต่พฤติกรรมผู้บริโภคบางกลุ่มได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะต้องการความสะดวกสบายและมีความถนัดในการกดสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจึงมองหาความคุ้มค่ามากที่สุด ส่งผลให้ภาพรวมตลาดดีลิเวอรี่ปี 2565 มีมูลค่า 79,000 ล้านบาท เติบโต 5% แม้จะเติบโตน้อยกว่าช่วงโควิด แต่เชื่อว่าในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้เปิดตัวแคมเปญ Best Price รับประกัน ราคาดีที่สุด เพื่อส่งเสริมการขายเมื่อสั่งอาหารทั้งเมนูเดี่ยวและชุดเซตคอมโบที่ร่วมรายการ ถ้าเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ หากเป็นเมนูเดียวกัน จะมีราคาถูกกว่า 10-15% เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน-5 ตุลาคม 2565 นี้ โดยหลังจากเปิดตัวแคมเปญดังกล่าว คาดว่าจะช่วยขยายฐานคนรุ่นใหม่ คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว และสามารถกระตุ้นยอดขายบนแพลตฟอร์มดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้น 30%
อีกทั้งยังชูจุดแข็งด้านมาตรฐานและบริการ การันตีส่งร้อน ส่งเร็ว ภายในเวลา 30 นาที ซึ่งปัจจุบันไมเนอร์ฟู้ดมีไรเดอร์ส่งอาหารอยู่ประมาณ 3,000 คน โดยก่อนหน้านี้ได้นำร่องใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) ประมาณ 15 คัน มาใช้ส่งอาหาร เริ่มที่แบรนด์เดอะพิซซ่าในสาขากรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้ และช่วยสนับสนุนให้ไรเดอร์ส่งอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีแผนมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 ไมเนอร์ฟู้ดมีรายได้รวมจากการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารเติบโตร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของทุก ๆ แบรนด์ ประกอบกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นและการสั่งอาหารผ่านเว็บไซต์เข้ามาสนับสนุนสั่งดีลิเวอรี่ ทำให้รายได้สาขาเดิมเติบโตขึ้น