คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้จัดการประชุมครั้งที่ 1/2565 ผ่าน Video Conference ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาลโดยได้เสนอแผนการให้บริการวัคซีน ให้ที่ประชุมพิจารณา ดังนี้
ให้ผู้ที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ walk-in ได้ ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร กำหนดไว้ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือผู้ที่เคยติดเชื้อทุกราย จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ใช้ภายใต้คำแนะนำที่มีผลงานทางวิชาการรับรอง กลุ่มเป้าหมายอายุ 5-12 ปี สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครองและวัคซีนที่ใช้ฉีดต้องเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับการฉีดในเด็กอายุ 5-11 ขวบ ตามขนาดและข้อบ่งใช้ที่กำหนด (Pfizer โดสเด็ก : ฝาสีส้ม) รูปแบบการให้วัคซีน กำหนดให้โรงเรียนเป็นจุดฉีดเป็นหลัก ร่วมกับจุดฉีดที่โรงพยาบาล โดยให้มีการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้เห็นชอบก่อนให้เด็กเข้ารับวัคซีน
แนวทางการดำเนินงานตามแผนการจัดบริการวัคซีนปี 2565
1.สร้างกลยุทธ์เพื่อยกระดับความครอบคลุมและเสริมศักยภาพการให้บริการวัคซีนโควิด-19
กระจายจุดฉีดให้ทั่วถึงในทุกจังหวัด มีจุดฉีดที่ระดับ รพ.สต./คลินิกเวชกรรมมีวัคซีนพร้อมในทุกพื้นที่ มีคลังวัคซีนประจำเขตสุขภาพ/จังหวัด และ รพ.สต.ทุกแห่ง มีการสำรองวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac ประชาชนเข้ารับบริการได้ทันที
2.แผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น อย่างน้อย 20 ล้านคน ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2565
ฉีดเข็มที่ 3 ในประชาชนทั่วไป ได้แก่ กลุ่ม 608 เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. ผู้ประกันตน ประชาชนทั่วไป ฉีดเข็มที่ 4 ในบุคลากรทางการแพทย์และผู้มีประวัติติดเชื้อโควิด-19
3.จัดหาวัคซีน Pfizer ขนาดโดสเด็ก จำนวน 10 ล้านโดส เพื่อวางแผนฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยผ่านระบบสถานศึกษา4.เร่งรัดการขึ้นทะเบียนการฉีดวัคซีนเชื้อตายสำหรับฉีดในกลุ่มเป้าหมายที่อายุต่ำกว่า 18 ปี