วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้บริหารแบรนด์เคเอฟซี ภายใต้การบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ภาพรวมตลาดไก่ทอดมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ติดลบ 15% ถือว่าเป็นการติดลบสูงสุดในรอบปี ถ้าเทียบกับช่วงก่อนโควิดที่มีอัตราการเติบโต 8-10% แม้แบรนด์ไก่ทอดในตลาดได้เพิ่มน้ำหนักช่องทางดีลิเวอรี่ แต่ยังน้อยและไม่สามารถช่วยผลักดันตลาดได้
เช่นเดียวกับภาพรวมของแบรนด์ เคเอฟซี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด จึงปรับแผนให้รับกับสถานการณ์ ประกอบด้วย การปรับกลยุทธ์การตลาด เน้นการเข้าถึงลูกค้าในช่องทางออนไลน์และดีลิเวอรี่มากขึ้น จึงทำให้ยอดขายดีลิเวอรี่เติบโตขึ้น 20-30% และเพิ่มบริการ Self-Pick up ให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านเว็ปไซต์ หรือ แอพพลิเคชั่นเมื่อมาถึงร้านก็สามารถรับสินค้าได้ เลยทำให้สะดวกมากขึ้นและส่งผลให้ยอดขายในช่วง ไตรมาสที่1-3 ของปี 64 เป็นไปตามเป้าหมายที่จากนี้จะได้เห็นเคเอฟซีปรับตัวไปหลากหลายโมเดลใหม่ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้า อีกทั้งยังเน้นมองหาพื้นที่ใหม่ ๆ เพื่อให้บริการได้กว้างขึ้น โดยเน้นเจาะไปที่มหาวิทยาลัย, อาคารสำนักงาน โดยเป้าหมายในการขยายสาขาสิ้นสุดปลายปีนี้ จะมีสาขาเพิ่มจำนวน 18 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 8% และแผนของปี 2565 ตั้งเป้าเปิดจำนวน 30 สาขา หรือประมาณ 10%
อีกทั้งยังได้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ระหว่างเคเอฟซี ผนึก อาริกาโตะ แบรนด์ในเครือเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการร่วมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยต่อยอดแบรนด์แฟรนไซส์ กับแบรนด์ในเครือ ให้เติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน ผ่านการเปิดตัว “KFC Cafe’ by Arigato” ด้วยการนำจุดแข็งของ เคเอฟซี คือ เมนูไก่ทอด ซึ่งเน้นการขายแบบอาหารมื้อหลัก และ อาริกาโตะ แบรนด์เครื่องดื่มนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีจุดเด่นเครื่องดื่มกาแฟและชาเขียว มาช่วยสร้างการรับรู้ และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแบรนด์ อาริกาโตะ ให้กับลูกค้าทั่วประเทศได้เร็วขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปี 64 นี้ จะมีจำนวนสาขา KFC Cafe’ by Arigato กว่า 220 สาขา
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังน่าเป็นห่วง ผู้บริโภคมองหาความคุ้มค่ามากขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการจัดโปรโมชั่นถี่ขึ้นทุกช่องทาง เพื่อรองรับการจราจรที่เริ่มกลับมา ซึ่งประเมินว่าสถานการณ์และบรรยากาศการจับจ่ายจะเริ่มค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ