ล่าสุด บริษัทไฟเซอร์ สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกของยารักษาโรคโควิด-19 โดยระบุว่า สามารถลดความเสี่ยงการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิตของผู้ใหญ่กลุ่มเสี่ยงสูงได้ถึง 89%
ยาดังกล่าวมีชื่อว่า แพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-19 ทั้งที่ติดเชื้อและเริ่มแสดงอาการป่วย ถือเป็นยาต้านไวรัสที่รักษาโควิด-19 ชนิดล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะ
วันที่ 19 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีโอกาสที่ไทยจะนำเข้ายาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 ในช่วงกลางเดือนเมษายน 2565 นี้
ยา Paxlovid ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสโรคโควิด-19 แบบทาน ปัจจุบันผ่านการรับรองจากอย.แล้ว และอยู่ระหว่างการจัดหาซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้ามาในประเทศไทยช่วงกลางเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ก่อนจะกระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่ายา Paxlovid มีประสิทธิภาพสูงสุด จากความสามารถลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาลลงได้ถึง 89% หากให้ยาภายใน 5 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ สะท้อนจากผลการทดลองที่กลุ่มที่ได้รับยาตัวนี้ ต้องนอนโรงพยาบาลเพียง 0.77% เทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งมีผู้นอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต 6.31%ทั้งนี้ยา Paxlovid ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา และ อย.ของไทย ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยจะประกอบด้วยตัวยา 2 ชนิดคือ Nirmatrelvia และ Ritonavir ซึ่งการใช้จะต้องทาน Nirmatrelvia 150 มิลลิกรัม 2 เม็ด และ Ritonavir 100 มิลลิกรัม 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วันรวมแล้วคอสการรักษาผู้ป่วย 1 คน จะใช้ยา Nirmatrelvia 20 เม็ด และ Ritonavir 10 เม็ด มีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นบาท